หินแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่เหมาะสมแตกต่างกันออกไป สิ่งเหล่านี้นำมาซึ่งความอาถรรพณ์ มหัศจรรย์และความลึกลับ หินบางชนิดใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่งร่างกาย เพื่อบ่งชี้ถึงสถานะทางสังคม ในสมัยโบราณหินบางชนิดใช้กันเฉพาะในราชวงศ์ชั้นสูงเท่านั้น
หินธรรมชาติมีพลังงานไหลเวียนอยู่ และมีคุณสมบัติแตกต่างกันไปตามแต่ละชนิดหิน ไม่ว่าจะช่วยป้องกันพลังงานด้านลบ หรือช่วยนำโชคเข้ามาสู่ผู้ที่พกพาหรือสวมใส่
ความเชื่อในเรื่องของการใช้หิน เพื่อเป็นเครื่องรางของขลังนั้นมีมาตั้งแต่ยุคโบราณ เนื่องจากมีความเชื่อกันว่า หินบางชนิดเมื่อมีการนำมาคำนวณกับ วัน เดือน ปีเกิด ของผู้สวมใส่ จะสามารถนำโชคและเพิ่มพลังแห่งการปกป้องคุ้มครองรวมทั้งขจัดภัยอันตรายให้แก่เจ้าของได้ จึงนิยมที่จะมอบหินที่ตนเชื่อว่า เป็นเครื่องรางคุ้มภัยให้แก่บุคคลอันเป็นที่รัก เพราะเชื่อว่า หินหรือรัตนชาติทุกก้อนมีรังสีเช่นเดียวกับดาวเคราะห์อื่นๆ และรังสีนั้นมีผลต่อมนุษย์ ความเชื่อนี้มีมากในแถบเอเชีย อินเดีย อียิปต์ รวมถึงไทยด้วย จึงได้มีการนำหินที่มีค่าและหายากหรือที่นิยมเรียกกันว่า “พลอย” มาใช้สวมใส่ให้ถูกโฉลกกับ วัน เดือน ปีเกิด ของตนเอง เพื่อความเป็นสิริมงคล
หินอัญมณี หรือ รัตนชาติ (gemstone) เป็นกลุ่มของแร่ประเภทหนึ่ง ซึ่งหมายถึงแร่หรือหินบางชนิด ที่นำมาเจียระไนตกแต่งเพื่อใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่ง หรือ นำมาเป็นเครื่องรางนำโชค
หินแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่เหมาะสมแตกต่างกันออกไป สิ่งเหล่านี้นำมาซึ่งความอาถรรพณ์ มหัศจรรย์และลึกลับ หินบางชนิดใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่งร่างกาย เพื่อบ่งชี้ถึงสถานะทางสังคม ในสมัยโบราณหินบางชนิดนิยมใช้กันเฉพาะในราชวงศ์ชั้นสูงเท่านั้น
หินธรรมชาตินั้นมีพลังงานไหลเวียนอยู่ และมีคุณสมบัติโดดเด่นแตกต่างกันไปตามแต่ละชนิดหิน ไม่ว่าจะช่วยป้องกันพลังงานด้านลบ หรือช่วยนำโชคเข้ามาสู่ผู้ที่พกพา สวมใส่หรือผู้ที่เป็นเจ้าของ
ความเชื่อในเรื่องของการใช้หิน เพื่อเป็นเครื่องรางของขลังนั้นมีมาตั้งแต่ยุคโบราณ เนื่องจากมีความเชื่อกันว่า หินบางชนิดเมื่อมีการนำมาคำนวณกับ วัน เดือน ปีเกิด ของผู้สวมใส่ จะสามารถนำโชคและเพิ่มพลังแห่งการปกป้องคุ้มครองรวมทั้งขจัดภัยอันตรายให้แก่เจ้าของได้ จึงนิยมที่จะมอบหินที่ตนเชื่อว่า เป็นเครื่องรางคุ้มภัยให้แก่บุคคลอันเป็นที่รัก เพราะเชื่อว่า หินหรือรัตนชาติทุกก้อนมีรังสีเช่นเดียวกับดาวเคราะห์อื่นๆ และรังสีนั้นมีผลต่อมนุษย์ ความเชื่อนี้มีมากในแถบเอเชีย อินเดีย อียิปต์ รวมถึงไทยด้วย จึงได้มีการนำหินที่มีค่าและหายากหรือที่นิยมเรียกกันว่า “พลอย” มาใช้สวมใส่ให้ถูกโฉลกกับ วัน เดือน ปีเกิด ของตนเอง เพื่อความเป็นสิริมงคล
สำหรับประเทศไทยนั้นได้ยกย่องให้นพรัตน์เป็นรัตนมงคลโบราณแห่งแผ่นดิน ตามพระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์บัญญัติว่าเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องประดับสำหรับยศแห่งพระมหากษัตริย์ตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างดวงตรามหานพรัตน สำหรับห้อยสายสะพายขึ้นเป็นครั้งแรกของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
นพรัตน ความหมายตามภาษาสันสกฤตหมายถึง “๙ รัตนชาติ”
“ทับทิมบริสุทธิ์ เป็นรัตนของอาทิตย์ ไข่มุกที่ขาวบริสุทธิ์โดยแท้ธรรมชาติ เป็นรัตนของจันทร์ ปะการังแก้วประวาล เป็นรัตนของอังคาร มรกต เป็นรัตนของพุธ บุษราคัม เป็นรัตนของพฤหัสบดี เพชร เป็นรัตนของศุกร์ ไพลิน เป็นรัตนของเสาร์ โกเมนเอก เป็นรัตนของราหู และไพฑูรย์ เป็นรัตนของเกตุฯ” กล่าวคือ
- เพชรดี – คือรัตนของดาวพระศุกร์
- มณีแดง – คือทับทิมบริสุทธิ์ของดาวพระอาทิตย์
- เขียวใสแสงมรกต – คือรัตนของดาวพระพุธ
- เหลืองสวยสดบุษราคัม – คือรัตนของดาวพระพฤหัสบดี
- แดงแก่ก่ำโกเมนเอก – คือโคเมทส้มรัตนของดาวพระราหู
- สีหมอกเมฆนิลกาฬ – คือไพลินรัตนของดาวพระเสาร์
- มุกดาหารหมอกมัว – คือไข่มุกแท้รัตนของดาวพระจันทร์
- แดงสลัวเพทาย – คือปะการังรัตนของดาวพระอังคาร
- สังวาลย์สายไพฑูรย์ – คือเพชรตาแมวรัตนของดาวพระเกตุ
การสวมใส่รัตนชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสวมใส่ 9 รัตนชาติ จะมีความสิริมงคลให้กับผู้สวมใส่ และช่วยให้ดวงดาวตามโหราศาสตร์สมดุล ทางโหราศาสตร์เอเชียโบราณกล่าวว่า พลังรัตนชาตินั้น ส่งผลทั้งดีและร้ายต่อผู้สวมใส่ ดังนั้นก่อนที่จะสวมใส่รัตนชาติ ควรปรึกษาผู้ที่เชี่ยวชาญหรือศึกษา เพื่อให้ถูกโฉลกและสมพงษ์ต่อผู้สวมใส่
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : (Wikipedia)